ในยุคโซเชียลนี้ แทบไม่มีใครที่ไม่ใช้สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต กันแล้ว ตั้งแต่เด็กเล็กๆ ไปจนถึงคนแก่คนเฒ่า ล้วนก้มหน้าก้มตาจิ้มแต่หน้าจอ กันทั้งนั้น แต่คุณแม่ทราบมั้ยคะ ว่าสิ่งเหล่านี้ มันมีผลเสียกับลูกน้อยอย่างไร
6 ข้อเสีย เมื่อลูก ติดหน้าจอ
ร่างกายไม่พัฒนาตามวัย
ถ้าลูกลองได้ดูโทรทัศน์ หรือ แท็บเล็ต แล้วล่ะก็ เค้าจะสามารถนั่งติดจอได้ทั้งวัน โดยที่ไม่ขยับไปทำอะไรอย่างอื่นเลย บางที ปวดท้องเข้าห้องน้ำยังไม่ยอมลุกเลยค่ะ ทั้งที่วัยเด็ก เป็นวัยไม่อยู่นิ่ง เค้าควรจะได้วิ่งเล่น ออกกำลังกายอย่างเต็มที่ และปัญหาที่ตามมาก็คือ การเจริญเติบโตไม่พัฒนาไปตามวัย เพราะ ร่างกายไม่ได้ขยับ หรือ เคลื่อนไหว เท่าที่ควร และเป็นสาเหตุของอาการป่วย และมีโรคประจำตัวตามมา
อารมณ์ร้าย ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
เพราะโทรทัศน์ มือถือ หรือ แท็บเล็ต ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองผู้ใช้งานอย่างรวดเร็ว ประมาณว่า ได้สิ่งที่ต้องการทันที ในคลิ๊กเดียว และนี่เป็นสาเหตให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความอดทน เพราะเค้าไม่เคยรอ และพอถึงเวลาที่ต้องรอ ก็จะใจร้อน เกิดอาการทนไม่ไหว กลายเป็นเด็กขี้หงุดหงิด และก้าวร้าวในที่สุด
เข้าสังคมไม่เป็น
เด็กติดหน้าจอ จะมีหน้าจอเป็นเพื่่อนสนิทคนเดียวเท่านั้น พอมีเวลาก็จะวิ่งหาแต่หน้าจอ ไม่คุยหรือคบหากับคนรอบข้าง เด็กบางคนแทบไม่ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ตัวเองเลย ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกัน เพราะเพ็งสมาธิอยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมเท่านั้น ทำให้เค้าเป็นคนไม่มีเพื่อน ไม่เคยรู้จักการพูดคุย หรือวิธีการเข้าสังคม จนสุดท้ายก็จะอยู่กับคนอื่นไม่ได้ ในทีสุด
กลายเป็นเด็กอ้วน
เวลาอยู่หน้าจอ จะทำให้ลูกทานข้าว หรือขนมขบเคี้ยว ได้อย่างเพลิดเพลิน ไม่รู้จักอิ่ม และยังไม่มีการออกกำลังกาย จึงทำให้ลูกกลายเป็นเด็กอ้วนในที่สุดค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ จะอ้วนจากการกินขนม ของหวาน ซึ่งไม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์เลย
สมาธิสั้น
เด็กที่ติดหน้าจอ จะรู้แต่วิธีการใช้หน้าจอเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ใช้งานสมองส่วนที่เป็นสมาธิ และความจำ เลย ทำให้กลายเป็นเด็กสมาธิสั้น ไม่มีใจจดจ่อกับกิจกรรมอะไรเลย ไม่รู้จักแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนอกจอ และเมื่อเจอปัญหาหนักเข้า ก็จะหงุดหงิด และควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกด้วย
เลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดี
เพราะเด็กมักจะเลียนแบบสิ่งที่ได้พบเห็น และสื่อในโลกโซเชียลก็มีแบบอย่างที่ไม่ดีอยู่ ลูกอาจดู และเลียนแบบพฤติกรรมแย่ๆมาโดยที่ไม่รู้ว่าถูก หรือผิดค่ะ ทางที่ดี คุณพ่อคุณแม่ ควรนั่งอยู่กับเค้าเวลาที่เปิดสื่อต่างๆ แล้วคอยแนะนำไปด้วย จะดีกว่าปล่อยให้ดูคนเดียว
สิ่งเหล่านี้ มีทั้งข้อดี และข้อเสีย คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องใช้มันให้เป็นค่ะ ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ ควรกำหนดเวลาให้ลูก อย่าให้อยู่หน้าจอเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน และชวนลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือหากิจกรรมอื่นๆทำร่วมกันในครอบครัว จะดีที่สุดค่ะ
เขียนโดย : www.babekits.com